จากพฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้แต่ละบริษัทนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการรีโนเวทออฟฟิศเพื่อที่จะปรับรูปแบบการทำงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยเฉพาะเพื่อเป็นการสร้างให้เกิด Performance ในการทำงานที่มากขึ้นของพนักงาน ลดการสูญเสียและการใช้ทรัพยากรทั้งเงินและเวลาโดยเปล่าประโยชน์ให้หมดไป ซึ่งแนวคิดแบบ Creativity Workflow คือแนวคิดหนึ่งซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำที่ต้องการจะรีโนเวทออฟฟิศเดิมให้เป็นออฟฟิศสมัยใหม่ที่สนับสนุนการสร้างงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

จากพฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้แต่ละบริษัทนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการรีโนเวทออฟฟิศเพื่อที่จะปรับรูปแบบการทำงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยเฉพาะเพื่อเป็นการสร้างให้เกิด Performance ในการทำงานที่มากขึ้นของพนักงาน ลดการสูญเสียและการใช้ทรัพยากรทั้งเงินและเวลาโดยเปล่าประโยชน์ให้หมดไป ซึ่งแนวคิดแบบ Creativity Workflow คือแนวคิดหนึ่งซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำที่ต้องการจะรีโนเวทออฟฟิศเดิมให้เป็นออฟฟิศสมัยใหม่ที่สนับสนุนการสร้างงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

รีโนเวทออฟฟิศด้วยการออกแบบ 3 โซนพื้นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

1. Stimulate Area พื้นที่สำหรับการค้นหาไอเดียการทำงานใหม่
หนึ่งในไอเดียสำคัญของการรีโนเวทออฟฟิศให้ได้งาน คือการจัดสรรและออกแบบพื้นที่ส่วนหนึ่งในสำนักงานให้เป็นพื้นที่ซึ่งจะถูกเอาไว้ใช้สำหรับการค้นหาและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ซึ่งเป็น Creative Zone ที่จะกระตุ้นให้พนักงานเกิดความคิดสร้างสรรค์ โดยแนวคิดในการออกแบบจะเน้นไปที่การสร้างพื้นที่เปิดโล่ง มีมุมหนังสือ หรือมุมสำหรับการใช้เวลาไปกับการนั่งพูดคุยกันระหว่างทีมงาน โดยเน้นว่ามุมนั้นควรเป็นมุมที่สามารถมองเห็นวิวภายนอกอาคารได้กว้าง ที่พนักงานเห็นแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายได้มากกว่ามุมอื่น ๆ ในออฟฟิศ

2. Focus Area พื้นที่สำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
อีกพื้นที่หนึ่งสำหรับการออกแบบสำนักงานซึ่งจะขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกบริษัท นั่นคือ จะต้องมีอยู่หนึ่งพื้นที่ซึ่งจะเป็นที่สำหรับการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง การออกแบบจะต้องแบ่งพื้นที่สำหรับทำงานออกเป็นสองโซนย่อยด้วยกัน โดยโซนแรกจะเป็นพื้นที่สำหรับการทำงานที่ใช้สมาธิสูงสำหรับงานรูทีน อาจเป็นพื้นเล็กๆ สำหรับพนักงานหนึ่งถึงสองคน หรือติดตั้ง Focus pod เพื่อลดเสียงรบกวน หรือโซนที่สองจะเป็นในลักษณะของห้องปิดเฉพาะ ปราศจากการรบกวน สำหรับการทำงานที่สำคัญและมีรายละเอียดมาก ซึ่งในหน่วยงานนั้นไม่สามารถอนุญาตให้มีข้อผิดพลาดได้ โดยประเด็นที่ต้องคำนึงก็คือ การออกแบบออฟฟิศโซนนี้ควรตั้งแยกจากโซนแรกพอสมควร อย่าจัดให้อยู่ใกล้กันมาก เพราะความจอแจของ Stimulate Area อาจส่งผลต่อ Performance ของงานสำคัญได้

3. Collaboration Area พื้นที่สำหรับการทำงานเป็นทีม
การออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่จะขาดพื้นที่ Collaboration Area นี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด โดยพื้นที่ตรงนี้อาจดูแล้วมีความคล้ายกับ Stimulate Area แต่ในความเป็นจริงแล้วพื้นที่ตรงนี้จะเป็นปลายทางของการตกผลึกไอเดียของพนักงานให้จับต้องได้ และสามารถนำไปสร้างให้เกิดงานได้จริง ลักษณะของโซนนี้จะเป็นห้องที่ออกแบบไว้เพื่อการประชุมปิด ที่ทุกหน่วยสามารถมาขอใช้เพื่อประชุมสรุปงานได้ ซึ่งในหนึ่งออฟฟิศควรจะมีอย่างน้อยหนึ่งห้อง แต่สำหรับออฟฟิศไหนที่มีพื้นที่กว้าง อาจสามารถเลือกจัดให้มีโซนเล็ก ๆ แบบเปิด เอาไว้ให้พนักงานมานั่งประชุมสรุปไอเดียกันในทีมได้เช่นกัน

การรีโนเวทออฟฟิศให้ตอบรับกับพฤติกรรมการทำงานของคนยุคใหม่ จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ Performance ของพนักงานดีขึ้น ซึ่งในการออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่นี้สามารถทำได้ ไม่ว่าสำนักงานของคุณจะมีพื้นที่มากหรือน้อย เพียงแค่ต้องรู้ว่า Flow หรือประเภทงานที่เป็นแกนหลักของบริษัทนั้น คืองานที่ต้องใช้พื้นที่ประเภทไหนมากกว่า แล้วจัดลำดับความสำคัญให้พื้นที่นั้นก่อน จากนั้นก็ค่อยจัดให้พื้นที่ส่วนอื่นเป็นพื้นที่สำหรับงานที่อยู่ในลำดับถัดมา แต่อย่าลืมว่าในหนึ่งออฟฟิศควรที่จะมีครบทั้งสาม Area ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นออฟฟิศ Creativity Workflow ที่จะช่วยเพิ่ม Performance ได้อย่างแท้จริง