การออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยี Facial Verification และ Facial Recognition หรือที่รู้จักกันดีว่าคือระบบจดจำใบหน้า ที่หลายองค์กรเริ่มนำมาใช้ทดแทนบัตรพนักงานแบบแถบแม่เหล็ก คือระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้งานง่าย และครอบคลุมข้อมูลจำเป็นทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นระบบที่องค์กรชั้นนำ หรือแม้แต่รัฐบาลเลือกใช้ สำหรับองค์กรที่มีความคิดจะยกระดับระบบรักษาความปลอดภัย ลองมาทำความรู้จักกับระบบจดจำใบหน้าทั้ง 2 แบบนี้พร้อมกัน ว่าใช้งานอย่างไรและแบบไหนที่เหมาะกับองค์กรของคุณ

 

หลักการทำงานของระบบจดจำใบหน้า สำหรับการออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่

หากคุณคิดจะออกแบบสำนักงานครบวงจร ระบบรักษาความปลอดภัยควรเป็นอีกหนึ่งระบบที่ควรได้รับการอัปเดตด้วย เพราะมีหลายองค์กรที่มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะในส่วนปฏิบัติการ แต่ละเลยพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย บางองค์กรมีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับกล้องวงจรปิดเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่สามารถการันตีได้ว่าพนักงานจะได้รับความปลอดภัยจากการคุกคาม อีกทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ยังใช้เวลานานกว่าจะทราบว่ามีบุคคลแปลกหน้าผ่านเข้า-ออกองค์กรในช่วงเวลาใดบ้าง แต่การติดตั้งระบบจดจำใบหน้าแบบสามมิติเพียงระบบเดียว พนักงานจะได้รับการคุ้มครองและมีความปลอดภัยในระดับสูง เพราะระบบจะทำการบันทึกข้อมูล ทั้งลักษณะใบหน้า ประวัติ และวันเวลาที่ผ่านเข้า-ออกองค์กรได้อย่างละเอียด โดยหลักการทำงานของระบบมีดังต่อไปนี้

 

1. ระบบ Facial Recognition

คือระบบที่จดจำโครงสร้างใบหน้าของมนุษย์ โดยระบบจะทำการส่งข้อมูลไปยังฐานข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และตรวจสอบประวัติของบุคคลนั้นๆ โดยระบบนี้สามารถทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจจับใบหน้าผู้คนจำนวนมาก และส่งข้อมูลไปตรวจสอบประวัติว่าตรงกับใบหน้าของอาชญากรหรือไม่ และในปัจจุบันพบว่าได้มีการพัฒนาระบบ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลใบหน้า แม้บุคคลนั้นๆ จะสวมใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวก หรือแว่นกันแดด

 

2. ระบบ Facial Verification

คือระบบสแกนใบหน้า มีหลักการทำงานคือการประมวลผลเปรียบเทียบภาพใบหน้าปัจจุบัน กับใบหน้าในฐานข้อมูล มีลักษณะการเปรียบเทียบแบบใช้ภาพ 2 ภาพบนหน้าจอ เพื่อการยืนยันตัวบุคคลว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ เพื่อป้องกันการหลอกลวง

ดังนั้นก่อนที่องค์กรจะเริ่มออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ด้วยการนำระบบจดจำใบหน้ามาใช้รักษาความปลอดภัย องค์กรควรทราบว่าทั้ง 2 ระบบนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และมีความเข้มงวดในการทำงานแตกต่างกันดังที่ได้กล่าวไป ส่วนหลักการเลือกใช้ว่าแต่ละองค์กรเหมาะสำหรับระบบจดจำใบหน้าแบบไหน ให้พิจารณาที่ตัวองค์กรเป็นหลักว่า ประกอบธุรกิจแบบใด, มีจำนวนผู้ผ่านเข้า-ออกต่อวันเยอะหรือไม่, พนักงานมีจำนวนเท่าไหร่ และมีข้อมูลสำคัญที่มีความละเอียดอ่อนที่จะต้องปกป้องหรือไม่

 

ประโยชน์ของระบบจดจำใบหน้า ที่เหมาะสมกับการออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่

การนำระบบจำจดใบหน้ามาใช้กับการออกแบบออฟฟิศครบวงจร นับเป็นการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่นอกจากจะยกระดับมาตรฐานขององค์กรให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นแล้วยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกดังต่อไปนี้

1. ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่าย
ด้วยการติดตั้งระบบจดจำใบหน้าเพียงระบบเดียว ก็ลืมค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนบัตรพนักงานไปได้เลย เพราะบัตรพนักงานแบบเก่าที่มีแถบแม่เหล็กสำหรับรูดเข้าออฟฟิศ เมื่อใช้งานไปนานๆ ย่อมเกิดความเสื่อม หรือมีการสูญหาย ทำให้องค์กรต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนบัตรพนักงานบ่อยๆ อีกทั้งการรับพนักงานใหม่เข้ามา ก็ต้องทำบัตรใหม่ แต่สำหรับระบบจดจำใบหน้าองค์กรสามารถป้อนข้อมูลของพนักงานใหม่เข้าระบบได้เลย โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

2. ช่วยปกป้ององค์กรและพนักงานให้ปลอดภัยจากภัยคุกคาม
การออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ โดยเลือกใช้ระบบ Facial Verification จะช่วยให้พนักงานและองค์กรปลอดภัยจากภัยคุกคามจากบุคคลภายนอก หรือผู้ไม่ประสงค์ดี โดยระบบจะส่งข้อมูลใบหน้าของบุคคลไปตรวจสอบกับฐานข้อมูล และส่งการแจ้งเตือนกลับมาหากบุคคลนั้นๆ คือบุคคลอันตราย หรือหากเกิดการระบาดของเชื้อโรคภายในออฟฟิศ ก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร และต้องมีมาตรการใดในการรับมือ

3. ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญ
สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ สามารถใช้ระบบ Facial Verification เพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลสำคัญที่มีความละเอียดอ่อนขององค์กรได้ โดยการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลด้วยการบันทึกใบหน้าของผู้ที่มีอำนาจเข้าถึงข้อมูลเอาไว้ หากเป็นบุคคลอื่นจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้

 

นอกจากจะมีความแม่นยำและปลอดภัยแล้ว ระบบจดจำใบหน้ายังช่วยยกระดับองค์กรที่มีการออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ให้มีความทัดเทียมกับองค์กรขนาดใหญ่ อีกทั้งระบบยังใช้งานง่าย และครอบคลุมทุกด้านการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่แต่ละองค์กรควรหันมาให้ความสนใจกับระบบรักษาความปลอดภัยให้จริงจัง เพราะในอนาคตระบบนี้จะมีการพัฒนาต่อยอดไปอีกเรื่อยๆ เพื่อความปลอดภัยที่มีความรัดกุมมากขึ้นและทันต่อกระแสโลกมากขึ้น