Wellbeing Office คือวิธีสร้างความสุขให้แก่พนักงานที่สามารถใช้การรีโนเวทออฟฟิศมาช่วยเสริมให้มีความสมบูรณ์ได้ ออฟฟิศรูปแบบนี้จะสร้างวิถี Work-life Balance ที่มีประสิทธิภาพ เพราะถึงแม้ว่าพนักงานจะมีความรักในงานที่ทำ แต่ถ้าหากองค์กรขาดการดูแลพนักงานให้มีความสุข ก็สามารถสร้างความเครียดและส่งผลให้ไม่อยากมาทำงานได้เช่นกัน

ดังนั้น Wellbeing Office จึงมีจุดประสงค์ในการออกแบบมาเพื่อให้ความเป็นอยู่ของพนักงานดีขึ้น และช่วยให้พนักงานมีความชัดเจนต่อตนเอง ว่ามีความรักในงานที่ทำอย่างแท้จริง และรู้ว่ามาทำงานเพื่ออะไร โดยผู้นำองค์กรสามารถเริ่มออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ให้มีรูปแบบของ Wellbeing Office ได้ดังแนวทางต่อไปนี้

 

5 แนวทางรีโนเวทออฟฟิศรูปแบบ Wellbeing Office เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้แก่พนักงาน

การรีโนเวทออฟฟิศด้วยรูปแบบ Wellbeing Office ไม่ใช่เพียงการเสนอสวัสดิการที่ดีให้แก่พนักงานเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการให้ความใส่ใจในสุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานให้มีความสุขในการทำงานด้วย ซึ่งแนวทางที่จะนำเสนอต่อไปนี้องค์กรสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อความเหมาะสมกับธุรกิจได้

 

1. สร้างออฟฟิศแบบเปิดให้มีพื้นที่ Open Plan เพิ่มขึ้น

การออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่นิยมการใช้พื้นที่ Open Plan กันมากขึ้น เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยลดความเครียด และการเก็บตัวของพนักงาน โดย Open Plan คือพื้นที่ทำงานที่เชื่อมต่อถึงกันแบบไม่มีแผงกัน หรือหากต้องการใช้แผงกั้นก็นิยมใช้แบบต่ำ เพื่อให้พนักงานมองเห็นได้ทั่วทั้งออฟฟิศ และโดยส่วนใหญ่จะมีการตกแต่งออฟฟิศให้มีความทันสมัยไปในตัว ช่วยเพิ่มความสนุกในการทำงาน และช่วยเปิดวิสัยทัศน์ พร้อมทั้งสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีภายในสำนักงาน จุดสำคัญของ Open Plan คือควรมีจุดให้พนักงานได้มองออกไปไกลๆ หรือมีจุดให้พักสายตาเพื่อความผ่อนคลาย และมีความสบายทางอารมณ์

 

2. เลือกชุดโต๊ะทำงานแบบส่งเสริมสุขภาพ

อีกหนึ่งความห่วงใยดีๆ ที่พนักงานจะสามารถสัมผัสได้โดยที่ไม่ต้องมีการสื่อสาร เป็นการรีโนเวทออฟฟิศที่เปลี่ยนชุดโต๊ะทำงานแบบเดิม มาใช้ชุดโต๊ะทำงานเพื่อสุขภาพ ช่วยให้พนักงานมีความสบายตัว และห่างไกลจากโรคที่เกิดจากการนั่งทำงานนานๆ อย่างการใช้ชุดโต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับได้ ตั้งแต่ระดับนั่งไปจนถึงการยืนทำงาน ช่วยเปลี่ยนอิริยาบถให้แก่ตำแหน่งงานที่ต้องนั่งติดกับโต๊ะทั้งวัน รวมไปถึงเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่จะช่วยรองรับสรีระของพนักงาน ดูแลไม่ให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดก้นกบ อีกทั้งยังป้องกันการเกิดกระดูกสันหลังคดในพนักงานอาวุโสด้วย

 

3. จัดพื้นที่สำหรับสันทนาการ

การรีโนเวทออฟฟิศสมัยใหม่จะมีการผสมผสานไลฟ์สไตล์ของพนักงานเข้ามาอยู่ในเวลาทำงาน ด้วยแนวคิดที่ว่า ผู้นำองค์กรมีความเชื่อและไว้ใจว่าพนักงานสามารถบริหารเวลาได้ดี เป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและผู้นำองค์กร โดยพื้นที่สันทนาการจัดเป็นหนึ่งในสวัสดิการภายในออฟฟิศ ที่พนักงานจะสามารถเข้าไปเล่นเกม อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือแม้แต่ชมภาพยนตร์ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้นำองค์กรที่จะปรึกษากับบริษัทรับออกแบบออฟฟิศ เพื่อหาแนวทางการจัดสรรพื้นที่เพื่อความเหมาะสม

 

4. สร้างห้องประชุมรูปแบบใหม่

หลายองค์กรถึงเวลาของการรีโนเวทออฟฟิศเพื่อสร้างห้องประชุมรูปแบบใหม่ที่ไม่น่าเบื่อ เพราะการประชุมย่อมมีความเครียดในเนื้อหาของการประชุมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นสภาพแวดล้อมในห้องประชุมจึงควรมีความผ่อนคลายและเป็นกันเอง ซึ่งนอกจากเทคโนโลยีด้านภาพ เสียง และสัญญาณที่มีความทันสมัยแล้ว ผู้นำองค์กรอาจจะเลือกรูปแบบห้องประชุมที่ใช้เก้าอี้เพื่อสุขภาพ หรือโซฟาเข้ามุมที่นั่งได้สบาย หรือจะเลือกแบบที่ไม่มีโต๊ะประชุมเลยก็ได้ เปิดโอกาสให้พนักงานนั่งหรือเหยียดขาได้ตามสบาย ในบางองค์กรเลือกเสริมห้องประชุมแบบ Outdoor ที่ชั้นดาดฟ้าของออฟฟิศ ให้พนักงานได้ประชุมท่ามกลางบรรยากาศสวน พร้อมเคาน์เตอร์กาแฟที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล

 

5. ส่งเสริมสวัสดิการอาหารเพื่อสุขภาพ

เพื่อให้พนักงานได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจากอาหารที่เป็นพิษ ผู้นำองค์กรสามารถเลือกส่งเสริมสวัสดิการอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพให้แก่พนักงานได้ ซึ่งในปัจจุบันการออกแบบออฟฟิศสมัยใหม่ จะรวมเอาแนวคิดนี้เข้าไปอยู่ในรูปแบบของ Wellbeing Office ด้วย โดยอาจจะมอบหมายให้ทีม HR ติดต่อกับบริษัทฟู้ดเดลิเวอรี่เพื่อสมัครเป็นสมาชิก และรับบริการส่งอาหารกลางวันให้แก่พนักงาน องค์กรจะได้รับส่วนลด และสิทธิประโยชน์จากการเป็นสมาชิก ส่วนพนักงานก็จะมีโอกาสเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น

 

แนวทาง Wellbeing Office ไม่มีกฏที่ตายตัว การรีโนเวทออฟฟิศเพื่อสร้างความสุขให้แก่พนักงานจะเหมาะสมและลงตัวได้ ต้องขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของพนักงาน และประเภทของธุรกิจองค์กร แต่หัวใจสำคัญสำหรับ Wellbeing Office คือไม่ใช่เพียงผลตอบแทนในรูปแบบของเงินเท่านั้นที่พนักงานต้องการ องค์กรจะต้องใส่ใจในสุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานด้วย จึงจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรรูปแบบใหม่ที่ปราศจากความเครียด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน